"KPI Dashboard คืออะไร? "
KPI Dashboard คือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการวัดและติดตามผลการดำเนินงาน (Key Performance Indicators – KPI) ขององค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ โดย KPI Dashboard จะรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและแสดงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น กราฟ ตาราง หรือแผนภูมิ ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานสามารถมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์และผลการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
KPI Dashboard ใช้ทำอะไร?
- การติดตามผลการดำเนินงาน: ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามผลการทำงานในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินความก้าวหน้าและปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม
- การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: ข้อมูลที่แสดงใน Dashboard ช่วยในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดความเสี่ยงในการตัดสินใจที่ผิดพลาด
- การสื่อสารภายในองค์กร: KPI Dashboard สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารข้อมูลสำคัญระหว่างทีมงานและผู้บริหาร ช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายและผลการทำงาน
- การระบุปัญหา: ช่วยในการระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน ช่วยให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันที
ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องมือยอดนิยมในปัจจุบันประกอบด้วย Power BI, Tableau และ Looker โดยจะบอกถึงข้อดี ข้อเสีย และความแตกต่างของแต่ละเครื่องมือ
Power BI
Power BI คือ เครื่องมือที่พัฒนาโดย Microsoft ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลแบบง่าย ๆ และการรวมเข้ากับระบบอื่น ๆ ของ Microsoft [Download Power BI]
ข้อดี
- การใช้งานง่าย : ด้วย Power BI มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ทำให้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ดก็สามารถสร้างแดชบอร์ดได้อย่างง่ายดาย
- การใช้รวมกับผลิตภัณฑ์ Microsoft : Power BI สามารถรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Microsoft เช่น Excel, Azure, และ Dynamics 365 ได้อย่างง่ายดาย ทำให้การนำเข้าข้อมูลและการวิเคราะห์เป็นเรื่องง่าย
- การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ : Power BI มีความสามารถในการอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลล่าสุดได้ทันที ทำให้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์มีความแม่นยำยิ่งขึ้น
- การรองรับข้อมูลจำนวนมาก : Power BI สามารถจัดการและแสดงผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลในระดับองค์กรเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ข้อเสีย
- ข้อจำกัดในการปรับแต่ง : แม้ Power BI จะมีการใช้งานที่ง่าย แต่มีข้อจำกัดในการปรับแต่งรายละเอียดของแดชบอร์ด ทำให้ผู้ใช้บางคนอาจรู้สึกถึงความไม่ยืดหยุ่นในการสร้างแดชบอร์ดที่ซับซ้อน
- การเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอก : การเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอกที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft อาจจะซับซ้อนกว่าและต้องการการตั้งค่าที่ละเอียด
Tableau
Tableau คือ เครื่องมือที่เน้นการสร้างภาพข้อมูลและการวิเคราะห์ที่มีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและการปรับแต่งที่หลากหลาย [Download Tableau]
ข้อดี
- ความสามารถในการสร้างภาพข้อมูล : Tableau มีความสามารถในการสร้างภาพข้อมูลที่หลากหลายและซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้นและสามารถนำเสนอข้อมูลได้หลากหลาย
- การปรับแต่งและการเขียนสูตร : Tableau มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและการเขียนสูตรสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างการวิเคราะห์ที่ตรงตามความต้องการได้มากขึ้น
- การเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลหลากหลาย : Tableau สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลหลายประเภทได้ เช่น SQL, Excel, Google Sheets และอื่น ๆ ทำให้การนำเข้าข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อเสีย
- การเรียนรู้ที่ใช้เวลา : Tableau มีการใช้งานที่ซับซ้อนกว่า Power BI ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และปรับตัวในการใช้งานเครื่องมือมากกว่า
- ราคาแพง : ค่าใช้จ่ายในการใช้ Tableau สูงกว่า Power BI โดยเฉพาะสำหรับองค์กรขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด
Looker
Looker คือ เครื่องมือที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการเชื่อมต่อกับระบบ Big Data เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการสร้างรายงานที่ยืดหยุ่น [Download Looker]
ข้อดี
- การวิเคราะห์ที่ยืดหยุ่น : Looker มีการเขียนโค้ดแบบ LookML ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดรูปแบบการวิเคราะห์ได้ตามต้องการ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- การเชื่อมต่อกับ BigQuery : Looker สามารถเชื่อมต่อกับ Google BigQuery ได้ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว
- การรายงานแบบฝังตัว : Looker สามารถฝังรายงานและแดชบอร์ดเข้าไปในแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้ ทำให้การนำเสนอข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อเสีย
- ความซับซ้อนในการตั้งค่า : Looker ต้องการการตั้งค่าที่ซับซ้อนกว่าเครื่องมืออื่น ๆ และต้องการความรู้ทางเทคนิคสูง ทำให้การเริ่มต้นใช้งานอาจจะยุ่งยากสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มเริ่มต้น
- ราคาแพง : Looker มีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่มีงบประมาณจำกัด ทำให้อาจไม่เหมาะสำหรับองค์กรขนาดเล็ก
ตารางความแตกต่างระหว่าง Power BI, Tableau และ Looker
สรุป
การเลือกใช้เครื่องมือ KPI Dashboard ที่เหมาะสมจะช่วยให้องค์กรสามารถมองเห็นข้อมูลได้ชัดเจนขึ้น ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง Power BI, Tableau และ Looker มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานควรพิจารณาตามความต้องการขององค์กรและความสามารถในการใช้งานของผู้ใช้งาน Power BI เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ได้ดี Tableau เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นและการสร้างภาพข้อมูลที่ซับซ้อน ส่วน Looker เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลที่ยืดหยุ่นและการเชื่อมต่อกับ BigQuery
Why Family Businesses Should Have a Good Backend Management System
ทำไมธุรกิจครอบครัวต้องมี ‘ระบบจัดการหลังบ้านที่ดี’? ในยุคที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและต้องการการเติบโตอย่างยั่งยืน ธุรกิจครอบครัว หรือ ธุรกิจแบบเถ้าแก่ จึงไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้อีกต่อไป การมี ระบบจัดการหลังบ้านที่ดี เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ทำไมต้องมีระบบจัดการ? การขยายสาขาเมื่อธุรกิจเติบโตและต้องการขยายสาขา การทำงานด้วยตัวเองทั้งหมดจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป การนำระบบต่างๆ มาใช้ เช่น ระบบจัดซื้อ ระบบสต็อก ระบบการขาย ระบบการผลิต การตลาด ระบบบัญชี หรือแม้แต่ระบบ HR จะช่วยให้การบริหารจัดการเป็นไปได้สะดวกขึ้น
What is Key Man Insurance? How to comply with the Revenue Department?
Key Man Insurance คืออะไร? ทำอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักสรรพากร? ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมี ประกันคีย์แมน (Key Man Insurance) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถปกป้องตนเองจากความเสี่ยงที่เกิดจากการสูญเสียบุคคลสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กร เช่น กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูง ประกันคีย์แมนคืออะไร? ประกันคีย์แมน เป็นการทำประกันชีวิตสำหรับบุคคลที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ ซึ่งในกรณีที่บุคคลนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น เสียชีวิตหรือไม่สามารถทำงานได้ บริษัทจะได้รับเงินก้อนจากบริษัทประกัน เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ประสบปัญหาทางการเงิน วิธีทำประกันคีย์แมนให้ถูกต้องตรงใจสรรพากร เพื่อให้การทำประกันคีย์แมนเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักสรรพากร
What is a CFO? What is the scope of measurement?
CFO คืออะไร? มีขอบเขตการวัดอย่างไร? ในยุคที่ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร CFO (Carbon Footprint for Organization) หรือ คาร์บอนฟุตพริ้นต์ขององค์กร คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบและวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ภายในองค์กร ทำไม CFO ถึงสำคัญ? CFO เป็นข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และวางแผนเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การทำ CFO ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร โดยแสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ
Why do organizations need to conduct risk assessment (Risk Management)?
ทำไมองค์กรต้องประเมินความเสี่ยง (Risk Management)? การประเมินความเสี่ยงเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเสี่ยงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินธุรกิจ การเงิน กฎหมาย หรือความปลอดภัย การจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือและตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างเหมาะสม ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง ลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดและความเสียหายการประเมินความเสี่ยงช่วยให้องค์กรสามารถระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรือความเสียหายที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน รักษาความสม่ำเสมอในการดำเนินงานด้วยการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบและต่อเนื่อง องค์กรสามารถควบคุมผลกระทบและลดความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่วางแผนไว้ เสริมสร้างความเชื่อมั่นในองค์กรเมื่อองค์กรมีการประเมินและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ถือหุ้น หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามแผนที่กำหนด สนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ข้อมูลจากการประเมินความเสี่ยงช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างรอบคอบและมีข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอเพื่อลดความเสี่ยงในระยะยาว เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรการประเมินความเสี่ยงช่วยให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Why Should Companies Implement ISO Standards?
ทำไมบริษัทควรทำ ISO? ISO เป็นมาตรฐานระดับสากลที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อประกันคุณภาพและความน่าเชื่อถือในสินค้าหรือบริการ ช่วยยกระดับการดำเนินงานขององค์กรให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยการรับรองมาตรฐาน ISO ช่วยให้องค์กรสามารถ: ปรับปรุงกระบวนการทำงานISO มักเกี่ยวข้องกับการกำหนดขั้นตอนและวิธีการที่ชัดเจนสำหรับการทำงาน ทำให้กระบวนการทำงานภายในองค์กรมีประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดได้ สร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าการได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO เป็นการการันตีคุณภาพและความปลอดภัย ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในสินค้าหรือบริการมากขึ้น เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันองค์กรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO จะมีความน่าเชื่อถือและมีความสามารถในการเข้าร่วมประมูลงานหรือได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงานการใช้มาตรฐาน ISO ช่วยให้การจัดการภายในองค์กรมีความเป็นระบบ ลดความสูญเสียที่ไม่จำเป็นและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล ส่งเสริมความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมบางมาตรฐาน ISO เน้นในเรื่องความปลอดภัยและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
The Importance of the Iceberg Model for Organizations: Understanding Employee Capabilities
ทฤษฎีภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg Model) สำคัญกับองค์กรอย่างไร? การขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “พนักงานทุกคน” ซึ่งเป็นกำลังหลักที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ การเลือกสรรและพัฒนาบุคลากรจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ และ “ทฤษฎีภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg Model)” เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้องค์กรเข้าใจพนักงานได้ดีขึ้น ทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งได้เปรียบเทียบความสามารถของคนเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่อยู่เหนือน้ำและส่วนที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งมีลักษณะดังนี้: ส่วนที่อยู่เหนือน้ำ (Visible Part)ส่วนนี้เป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและสามารถพัฒนาได้ง่าย ประกอบไปด้วย: ทักษะและความรู้