สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
หลายคนคงได้ยินคำว่า สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นั่นก็เพราะในปัจจุบัน อัตราส่วนระหว่างผู้สูงอายุในประเทศไทยนั้นมีอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งองค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดไว้ว่า อัตราส่วนประชากรของผู้สูงอายุในประเทศไทย มีจำนวนมากกว่า 10% ของประชากรทั้งหมดนั้น ให้ถือว่าประเทศนั้นกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนั่นเอง
เราลองมาดูอัตราส่วนระหว่างผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จะพบว่าใน 10 ปีที่ผ่านมาจำนวนประชากรทั้งหมดมีอัตราลดลงสวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุ (คิดจากอายุ 60-89 ปี)

แต่อีกปัญหาที่น่ากังวลนอกจากจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้นแล้ว นั่นก็คือ ปัญหาทางด้านการเงินของผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่มีเงินเกษียรหรือเงินเก็บ ที่มีอัตราที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด เพราะในกลุ่มนี้จะมีรายได้หลักจากบุตร หรือการทำงานของเขาเอง ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วยภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน แล้วทำไมผู้สูงอายุกลุ่มนี้ถึงมีเงินเก็บไม่เพียงพอจนทำให้ต้องทำงานต่อหลังเกษียณอายุแล้ว เราลองมาดูสาเหตุกัน
- การมีหนี้ระยาวที่ยังชำระไม่หมด
ต้องบอกว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่มากที่สุด โดยเราจะเห็นในข่าวบ่อยครั้งที่มีผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกร้องให้เจ้าหนี่ลดหนี้เนื่องจากไม่สามารถชำระไหวเช่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินก้อนสหกรณ์ต่างๆที่เป็นหนี้ระยะยาว หรือการกู้เพื่อซื้ออสังหาฯที่ผูกพันมาจนวัยเกษียร
- เงินเก็บไม่เพียงพอต่ออัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน
อีกปัญหาที่น่ากังวลก็คืออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้เงินเก็บของผู้สูงอายุมีมูลค่าที่น้อยลงเป็นอย่างมาก เช่น หากผู้สูงอายุมีเงินเก็บ 1 ล้านบาท เมื่อหารเฉลี่ยต่อเดือนในระยะเวลา 10 ปี ผู้สูงอายุจะมีเงินซื้อผัดกระเพราไข่ดาวจานละ 40 บาทได้ 6.9 จานต่อวันตลอด 10ปี แต่หากเงินเฟ้อสูงอย่างก้าวกระโดดจนทำให้ผัดกระเพราไข่ดาวขึ้นเป็นจานละ 60 บาท ก็จะทำให้ซื้อผัดกระเพราไข่ดาวลดลงเหลือเพียง 4.6 จานต่อวันเท่านั้น (เป็นการยกตัวอย่างเท่านั้น)
- การไม่มีเงินเก็บ
ผู้สูงอายุไม่น้อยที่ไม่มีเงินเก็บ เพราะรายได้ในตอนทำงานนั้นไม่มากพอที่จะให้เก็บ หรือบางคนอาจฟุ่มเฟือยจนไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ในช่วงเกษียร นี่จึงเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุยังต้องทำงานแม้จะเลยวัยทำงานไปแล้ว
- ปัญหาการขาดทุนหรือการถูกโกงจากการนำเงินเก็บไปลงทุน
เราอาจมองปัญหานี้ว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ เพราะการนำเงินเก็บไปลงทุนนั้นจะต้องมีเงินเก็บเหลือพอสมควร แต่ผู้สูงอายุบางคนอาจไม่ได้วางแผน ไม่ศึกษาการลงทุนนั้นให้ดีเสียก่อน และเงินที่ลงทุนนี้คือเงินเก็บทั้งหมด เพียงเพราะต้องการเพิ่มเงินเก็บให้มากขึ้น ทำให้เมื่อขาดทุนหรือถูกโกงทำให้หลายๆคนสูญเงินเก็บไปทันที โดยจะมีให้เป็นในข่าวอยู่บ่อยๆว่าผู้สูงอายุถูกหลอกลวงให้ลงทุนจนเสียเงินเก็บทั้งหมดไปนั้นเอง
จะเห็นว่าการเกษียรนั้นไม่ง่ายอย่างที่หลายๆคนคิด เพราะหากเรามองให้ดีจะเห็นว่าการเกษียรก็คือการถูกให้ออกจากงานเพราะหมดวัยในการทำงานแล้ว ทำให้เงินที่เข้ามาทุกๆเดือนหายไปทันที นี่จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆในการวางแผนก่อนเกษียร ซึ่งหนังสือสอนการเงินบางเล่มอาจกล่าวว่า “การวางแผนเกษียร ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งมั่นคง” แล้วคุณหล่ะ เตรียมตัวพร้อมสำหรับการเกษียรแล้วหรือยัง…?